คุณแม่เทเรซาได้ชื่อว่าเป็นแม่ของผู้ยากไร้ เป็นผู้ "ให้" ตลอดชีวิต แม้แต่เงินทุกบาทจากรางวัลโนเบล จากรางวัลต่างๆ จากผู้มีจิตศรัทธามอบให้ เธอล้วนนำมาเป็นประโยชน์แก่ผู้ยากไร้จนหมดสิ้น
"เพราะตลอดชีวิตพวกเขาไม่เคยพบคำว่าความสุขเลย เราควรให้พวกเขามีความสุข และได้รับความรัก แม้จะเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ตาม"
แม่ชีเทเรซา เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1910 ที่เมืองสโกเปีย อันเป็นเมืองหลวงของประเทศมาซิโดเนียในปัจจุบัน ชื่อเดิมของเธอคือ "แอ็กเนส กอนจา โบยาจู"(Agnes Gonxha Bojaxhiu) การอยู่ในครอบครัวเชื้อสายอัลเบเนีย ที่นับถือคริสต์ศาสนาอย่างเคร่งครัด คงทำให้แอ็กเนสชอบเข้าโบสถ์ฟังเทศน์มาแต่ไหนแต่ไรมา
เมื่อหนูน้อยแอกเนสวัยเพียง 9 ขวบก็สูญเสียคุณพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว แต่เธอยังมีแม่แสนอบอุ่นและดูแลครอบครัวต่อด้วยความเข้มแข็ง แอกเนสจึงมีโอกาสและมีกำลังใจในการศึกษาเล่าเรียนต่อไป กระทั่งเธอได้ค้นพบว่าประชาชนในประเทศอินเดีย มากมายไปด้วยคนยากไร้ขาดแคลนทั้งอาหารและทนทรมานกับโรคภัยนานา ด้วยระบบสาธารณูปโภคที่ล้าหลังอย่างคาดไม่ถึง สิ่งนี้ทำให้เธอครุ่นคิดแต่หนทางช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากเหล่านั้น
ครั้นอยู่ในวัยสาว 18 แอกเนสมีความคิดอยากบวช แม้ครอบครัวจะไม่เห็นด้วยแต่เพราะเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจดี ในที่สุดก็ยินยอม และแล้วในไม่กี่วันต่อมาแอ็กเนสก็อำลาแม่ น้องสาวและญาติพี่น้องเพื่อเดินทางไปกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ และทำการบวชที่อารามโลเรโต (Loreto Abbey)
นักพรตหญิงแอ็กเนสร่ำเรียนฝึกฝนศาสนากิจเป็นเวลา 1 เดือน จากนั้นในเดือนธันวาคมจึงเดินทางไปยังประเทศอินเดีย โดย เริ่มออกเทศนาคำสอนที่เมืองดาร์จีลิง รัฐสิกขิม ทางตอนเหนือของอินเดีย โดยพักอยู่ที่อารามโลเรโตซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองดาร์จีลิง
ปี ค.ศ. 1931 แอ็กเนสได้รับศาสนนาม (ชื่อทางศาสนา) ว่าภคินีเทเรซา ซึ่งมาจากนามของนักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซู และได้ปฏิญาณตนตลอดชีพในปี ค.ศ. 1937 จากนั้นแม่ชีเทเรซาได้เป็นครูที่โรงเรียนสตรีเซนต์มาเรีย ในเมืองเอนทาลี นครกัลกัตตา โดยสอนวิชา ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ใน ต่อมาท่านก็ได้รับเลือกให้เป็นครูใหญ่
ระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ครูใหญ่ และปฏิบัติศาสนกิจ แม่ชีเทเรซาและเหล่านักเรียนได้เผชิญกับผ่านเหตุร้ายหลายต่อหลายครั้ง อันเนื่องจากความรุนแรงของ สงครามในขณะนั้น
สิงหาคม ค.ศ. 1948 แม่ชีเทเรซาได้รับอนุมัติเป็นกรณีพิเศษให้ช่วยเหลือประชาชนในย่านสลัมได้ หลังจากที่เธอเรียนจบพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองปัตนา รัฐพิหาร นอกจากนั้นเธอยังก่อตั้งโรงเรียนกลางแจ้งเพื่อสอนเด็กๆในแหล่งสลัม ส่วนทางด้านศาสนกิจก็ปรากฏว่าต่อมา มีลูกศิษย์เก่าของเธอมาขอบวชและขออยู่ช่วยเหลืองานรวม 10 คน หลังจากนั้น"สวาชินี ดาส" อันเป็นศิษย์คนหนึ่งมาขอบวชเป็นคนแรก
อีก 2 ปีถัดมา ท่านอาร์ชบิชอป ได้แต่งตั้งแม่ชีเทเรซาให้เป็นมหาธิการิณี ผู้ดูแลคณะนักบวชหญิงคาทอลิก โดยมีชื่อว่า "คณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรม" (Missionaries of Charity) จากนั้นผู้คนต่างยกย่องเธอว่าเป็น คุณแม่เทเรซา (Mother Teresa)
ในปี ค.ศ. 1952 คุณแม่เทเรซา ได้ก่อตั้ง Home for the Dying ( บ้านสำหรับผู้รอสู่สุขคติ ) เพื่อผู้ยากจนและใกล้จะสิ้นชีวิตด้วยโรคภัยต่างๆ จะได้มีชีวิตในช่วงท้ายสุดที่เหลืออย่างอบอุ่นและสงบสุข แม้ในช่วงแรกจะได้รับการคัดค้านจากชาวฮินดู เนื่องจากสถานที่ก่อตั้งบ้านดังกล่าวคือเทวสถานพระแม่กาลีอันเป็นที่สักการะของชนชาวฮินดู แต่หลังจากผู้บัญชาการตำรวจเข้าใจถึงเจตนาอันเปี่ยมเมตตาของคุณแม่เทเรซา และไปช่วยทำความเข้าใจกับพี่น้องชาวฮินดูแล้ว "บ้านของผู้รอความตาย" ก็เกิดขึ้นและทำประโยชน์แก่ผู้คนที่ไม่เลือกเชื้อชาติศาสนา
จากนั้นอีก 3 ปี ผู้มีจิตศรัทธาได้มอบบ้านหลังหนึ่งให้ คณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรม ทางคณะฯ(โดยข้อเสนอของคุณแม่เทเรซา) จึงได้ใช้บ้านหลังนี้เพื่อรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และให้ชื่อว่า "บ้านเด็กดวงใจบริสุทธิ์" (Children's Home of the Immaculate Heart)
ช่วงปี ค.ศ. 1957ผู้ป่วยด้วยโรคเรื้อนเป็นคนที่สังคมพากันรังเกียจ และไม่กล้าแม้จะเข้าใกล้ คุณแม่เทเรซาเห็นว่า คนเป็นโรคเรื้อนเองได้รับความทรมานทางจิตใจซ้ำเติม ด้วยเห็นว่าตนเองนั้นไร้ค่า เป็นตัวน่ารังเกียจของสังคม ดังนั้นสิ่งที่เธอริเริ่มเป็นคนแรกก็คือ ลงพื้นที่พร้อมหน่วยรถพยาบาลเคลื่อนที่เพื่อออกรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อน ซึ่งในขณะนั้นโดยมากเป็นชาวไร่ชาวนา
คุณแม่เทเรซาได้รับรางวัลแมกไซไซ ในปี 1962 จากรัฐบาลฟิลิปปินส์
ปี ค.ศ. 1965 คุณแม่เทเรซารับมอบที่ดินที่เมืองอาซันซอล 87.5 ไร่ จากผู้ว่าการรัฐเบงกอลตะวันตกที่ได้ให้คุณแม่เทเรซายืมเพื่อใช้เป็นสถานสงเคราะห์แก่ผู้ป่วยโรคเรื้อน ส่วนเงินที่จะสร้างอาคารรักษาผู้ป่วยนั้น คุณแม่ฯได้ตกลงขายรถยนต์เปิดประทุนซึ่งพระสันตะปาปาเคยมอบให้ แต่ปรากฏว่ารถยนต์คันดังกล่าวขายได้ในราคาเพียง 100,000 รูปี (ประมาณ 400,000 บาท) ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะนำมาสร้างอาคารผู้ป่วยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ
คุณแม่เทเรซาจึงตัดสินใจนำรถคันงามนั้นเป็นรางวัล โดยทำสลาก 5,000 ใบ ขายสลากใบละ 100 รูปี (ราว 400 บาท) ใครถูกรางวัลจะได้รับรถพระสันตะปาปาไปครอง ปรากฏว่า สลากขายได้เป็นเงินรวมถึง 500,000 รูปี (ประมาณ 2,000,000 บาท) นั่นทำให้ "หมู่บ้านสันติสุข" อันเป็นสถานที่รักษาและพักฟื้นของผู้ป่วยโรคเรื้อนขนาดกว่า 80 ไร่ เป็นความจริง... "หมู่บ้านสันติสุข" เปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1968 โดยมีผู้ป่วยโรคเรื้อนเข้ารับการรักษากว่า 15,000 คน
ปี 1970 คุณแม่เทเรซาได้รับรางวัลสันติภาพ "จอห์นที่ 23" โดยพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6
คุณแม่เทเรซาได้รับเกียรติให้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ในปี ค.ศ. 1979 ในฐานะ "ต่อสู้เพื่อลดความยากจนทุกข์ยากซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการนำไปสู่ความสงบสุขและสันติ" (for work undertaken in the struggle to overcome poverty and distress, which also constitute a threat to peace.)
หลังรับรางวัลอันทรงเกียรติ แม้คุณแม่ก็มิได้หยุดทำงาน เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1981 เพื่อตระเวนปราศรัยหลายแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้สังคมตระหนักถึงความเหลื่อมล้ำและการรังแกข่มเหงกันในสังคม
ค.ศ. 1982 อิสราเอลมีสงครามกับองค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ จนเกิดการสู้รบรุนแรงในแถบเอเชียตะวันตก คุณแม่เทเรซาก็เดินทางเข้าไปเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ติดค้างในสถานที่ต่างๆ มาได้ 37 คน
ค.ศ. 1983 คุณแม่เทเรซาเริ่มมีอาการของโรคหัวใจ ในขณะเธอกำลังเยี่ยมเยือนสถานสงเคราะห์แห่งหนึ่งในอิตาลี หลังจากนั้นอาการโรคหัวใจก็มาเยือนเธออยู่เรื่อยๆ ในขณะที่จนในที่สุด คุณแม่เทเรซา ได้ยื่นจดหมายต่อพระสันตะปาปา เพื่อขอลาออก และขอให้มีการเลือกตั้งในตำแหน่งมหาธิการิณีแห่งคณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรม แต่แล้วทุกฝ่ายก็เลือกคุณแม่เทเรซาโดยพร้อมเพรียง เธอจึงต้องทำหน้าที่ต่อเพราะเห็นว่าทุกคนล้วนสนับสนุน
ค.ศ. 1996 คุณแม่เทเรซาป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่ง13 มีนาคม ค.ศ. 1997 ปี ถึงขั้นฝืนไม่ไหวอีกต่อไป จึงได้ขอลาออกอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ทุกคนเห็นพ้องว่าเธอควรพักจริงๆแล้ว ดังนั้นผู้ที่มารับตำแหน่งได้รับเลือกเป็นมหาธิการิณีคณะธรรมทูตแห่งเมตตาธรรมแทนคุณแม่เทเรซา ก็คือภคินี นิรมลานั่นเอง
หลังจากตรากตรำเพื่อสังคมตลอดทั้งชีวิต คุณแม่เทเรซาได้พักผ่อนเพียงไม่ถึงปีก็ถึงแก่อนิจกรรมในวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1997 รวมอายุได้ 87 ปี 10 วัน รัฐบาลอินเดียได้จัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ โดยมีคณะมิชชันนารีอันมีแม่ชีกว่า 4,000 คนและอาสาสมัครกว่าอีก 1 แสนคนเข้าร่วมพิธีด้วยความอาลัย
19 ตุลาคม ค.ศ. 2003 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ได้ประกาศให้คุณแม่เทเรซาเป็น "บุญราศีเทเรซาแห่งกัลกัตตา"
ค.ศ. 1910
เกิดที่เมืองสโกเปีย (เมืองหลวงของประเทศมาซิโดเนียในปัจจุบัน)
ค.ศ. 1919
สูญเสียคุณพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัว
ค.ศ. 1928
เดินทางไปกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ และทำการบวชที่อารามโลเรโต (Loreto Abbey)
ค.ศ. 1931
ได้รับศาสนนาม (ชื่อทางศาสนา) ว่าภคินีเทเรซา
ค.ศ. 1937
เป็นครูที่โรงเรียนสตรีเซนต์มาเรีย ในเมืองเอนทาลี นครกัลกัตตา
ค.ศ. 1948
ได้รับอนุมัติให้ช่วยเหลือประชาชนในย่านสลัม จากนั้นได้ก่อตั้งโรงเรียนกลางแจ้งเพื่อสอนเด็กๆในแหล่งสลัม
ค.ศ. 1950
ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมหาธิการิณี และผู้คนต่างยกย่องเธอว่าเป็น คุณแม่เทเรซา (Mother Teresa)
ค.ศ. 1952
ได้ก่อตั้ง Home for the Dying ( บ้านสำหรับผู้รอสู่สุขคติ )
ค.ศ. 1955
ได้ก่อตั้ง "บ้านเด็กดวงใจบริสุทธิ์" (Children's Home of the Immaculate Heart)เพื่อรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
ค.ศ. 1957
ลงพื้นที่พร้อมหน่วยรถพยาบาลเคลื่อนที่เพื่อออกรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อน
ค.ศ. 1962
ได้รับรางวัลแมกไซไซ จากรัฐบาลฟิลิปปินส์
ค.ศ. 1965
รับมอบที่ดินที่เมืองอาซันซอล 87.5 ไร่ จากผู้ว่าการรัฐเบงกอลตะวันตก เพื่อใช้เป็นสถานสงเคราะห์แก่ผู้ป่วยโรคเรื้อน
ค.ศ. 1970
ได้รับรางวัลสันติภาพ “จอห์นที่ 23” โดยพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6
ค.ศ. 1979
ได้รับรับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ
ค.ศ. 1981
ตระเวนปราศรัยหลายแห่งทั่วประเทศในประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้สังคมตระหนักถึงความเหลื่อมล้ำและการรังแกข่มเหงกันในสังคม
ค.ศ. 1982
เดินทางเข้าไปเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ติดค้างในสถานที่ต่างๆ ในการสู้รบรุนแรงในแถบเอเชียตะวันตก
ค.ศ. 1983
ทุกฝ่ายเลือกคุณแม่เทเรซาให้รับตำแหน่งมหาธิการิณีแห่งคณะธรรมทูตแห่งเมตตาโดยพร้อมเพรียง ในขณะที่มีอาการโรคหัวใจ เธอจึงต้องทำหน้าที่ต่อเพราะเห็นว่าทุกคนล้วนสนับสนุน
ค.ศ. 1997
ถึงแก่อนิจกรรม รวมอายุได้ 87 ปี 10 วัน
ค.ศ. 2003
สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ได้ประกาศให้คุณแม่เทเรซาเป็น "บุญราศีเทเรซาแห่งกัลกัตตา"
"อย่าพูดถึงข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้าก็แค่ ซิสเตอร์คนหนึ่ง แต่คนโรคเรื้อน มี 6 หมื่นคนที่กัลกัตตา และมีราว 4 ล้านคนทั่วอินเดีย ดังนั้น จงพูดถึงคนโรคเรื้อนเถิด"
"พระเป็นเจ้าทรงช่วยเรา และผู้ใจบุญก็ยื่นมือช่วยด้วย เมื่อเราไปเยี่ยมเราจะไม่ยอมรับแม้เศษขนมปังจากพวกเขา เพราะพวกเขามีเพียงจานใบหนึ่งกับช้อนเพื่อรับประทานอาหาร มีส่าหรีราคาถูกๆ 2 ชุด มีรองเท้า 1 คู่ มีฟูกบาง ๆ เท่านั้น"
"บนท้องถนนมีแต่คนตายเพราะความหิว ดังนั้นบ้านของเราคือบ้านของคนยากจน"
"พวกเราต้องสวดภาวนา ถ้าปราศจากพลังแห่งการภาวนาแล้ว เราไม่เจริญชีวิตเช่นนี้ได้"
"นี่ไม่ใช่งานของฉัน แต่เป็นงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า ฉันเป็นเพียงดินสอแท่งเล็กๆ ที่อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์"
บุญราศีเทเรซา แห่งกัลกัตตา
แม่ชีเทเรซ่าเป็นนักบุญ วาติกันรับรองประกาศยกสถานะ
ประจวบ ผลิตผลการพิมพ์