"เมื่อเราพบความจริง ความบ้าคลั่งที่จะหาความผิดพลาดของคนอื่นก็หายไป"
โกเอ็นก้า เคยกล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนพุทธศาสนาหรือก่อตั้งสถาบันทางศาสนา และไม่เคยมีคำว่า "ศาสนา" อยู่ในคำสอนใดๆ ทั้งสิ้น เขาเห็นว่าความเป็นศาสนาขึ้นอยู่กับรูปแบบและพิธีกรรม ซึ่งแต่ละศาสนาย่อมแตกต่างกันไป แต่ว่าแต่ละศาสนาก็ย่อมมีแก่นของมัน และ
พระพุทธเจ้าก็ได้สอนไว้แต่แก่นเท่านั้น นั่นคือการมีศีลธรรม การเป็นนายเหนือจิตใจตนเอง และทำจิตให้บริสุทธิ์ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาในภายหลัง
โกเอ็นก้าจึงเห็นว่าไม่ว่าใครจะมีความศรัทธาในศาสนาใดอยู่ก่อน ก็สามารถเข้ามารับการอบรมสมาธิกับเขาได้ เขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะบังคับผู้ใดให้ต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ
โกเอ็นก้า เห็นว่าร่างกายกับจิตใจมีส่วนที่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก เช่นการคิดถึงอดีต อนาคต หรือการเริ่มมีความโกรธ จะทำให้ลมหายใจของเขาเปลี่ยนจังหวะไป ฉะนั้นการทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจด้วยการทำสมาธินั่นเองที่จะทำให้การทำงานของจิตใจเปลี่ยนไปในทางที่ละเอียดขึ้น เห็นความเป็นจริงมากขึ้น และจะส่งผลที่ดีขึ้นต่อร่างกายด้วยในที่สุด
การปฏิบัติธรรมของโกเอ็นก้าไม่เน้นพิธีกรรม แต่สอนให้ผู้ฝึกฝนเรียนรู้ที่จะเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงของสภาวะจิตต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปอย่างรวดเร็วจนเราไม่อาจตามได้ทันในเวลาปกติ
ตอนที่อายุได้ 32 ปี สัตยา นารายัน โกเอ็นก้า (S.N. Goenka) นักธุรกิจหนุ่มชาวอินเดียผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในแวดวงธุรกิจของประเทศพม่าได้ตัดสินใจเข้ารับการฝึกฝนวิปัสสนาด้วยความตั้งใจจะบำบัดอาการปวดหัวไมเกรน เป็นเวลา 10 วันกับอูบาขิ่น อาจารย์สอนปฏิบัติธรรมชาวพม่าผู้มีชื่อเสียง โกเอ็นก้าในตอนนั้นไม่เคยมีความคิดเกี่ยวกับพุทธศาสนาอยู่ในใจมาก่อน เขาเป็นชาวอินเดียที่เกิดในประเทศพม่า นับถือศาสนาฮินดู มั่งคั่งร่ำรวยจึงประกอบกิจการค้าขายมากมายหลายชนิด และเป็นผู้นำชาวฮินดูในประเทศพม่า อาการปวดหัวไมเกรนของเขาเกิดขึ้นเนื่องจากทุกๆวันเขาจำต้องเจรจาธุรกิจการค้า ทำให้โกเอ็นก้าเกิดความเครียดและแทบไม่มีเวลาพักผ่อน
เมื่อแรกที่ได้พบกัน อาจารย์อูบาขิ่น ได้บอกกับโกเอ็นว่าเขาประเมินคุณค่าของวิปัสสนาต่ำเกินไป ธรรมะไม่ได้มีไว้เพื่อช่วยรักษาโรคทางกายแต่ว่าธรรมะช่วยทำให้จิตใจมีความบริสุทธิ์ อูบาขิ่น อธิบายต่อว่าโรคภัยไข้เจ็บเป็นเพียงความทุกข์ที่เล็กน้อยเมื่อเทียบกับความทุกข์อื่นๆ อันอยู่ภายในจิตใจเพียงแต่คนเราไม่รู้ เมื่อสามารถชำระใจให้บริสุทธิ์เราก็จะมองเห็นถึงสภาพความเป็นจริง ส่วนโรคภัยไข้เจ็บถ้าจะหายไปก็เป็นเพียงผลพลอยได้
อูบาขิ่นยืนยันจะสอนเพียงให้โกเอ็นก้ารู้จัก ศีล สมาธิ ปัญญา เท่านั้น เมื่อโกเอ็นก้าเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ต้องคัดค้านหรือขัดแย้งกับศาสนาเดิมที่เขานับถืออยู่จึงได้ตอบตกลงและฝึกฝนปฏิบัติสมาธิเรื่อยมาจนครบ 10 วัน ไม่เพียงอาการปวดหัวไมเกรนจะค่อยๆ หายไป หลังจากนั้นเขาจึงเริ่มมีศรัทธาในวิถีพุทธ และเริ่มทำสมาธิจนได้กลายเป็นผู้ช่วยฝึกสอน
ต่อมาโกเอ็นก้าทราบข่าวว่ามารดาของเขาซึ่งอพยพกลับไปยังประเทศอินเดียได้ล้มป่วยลง โกเอ็นก้าจึงเดินทางไปยังประเทศอินเดียและสอนการทำสมาธิให้แก่มารดาพร้อมด้วยเครือญาติของเขา ผลปรากฏว่ามีผู้คนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โกเอ็นก้าจึงมีความคิดที่จะนำพระพุทธศาสนาซึ่งครั้งหนึ่งเคยดำรงอยู่ในประเทศอินเดียกลับคืนมาอีกครั้ง ซึ่งอูบาขิ่นก็เห็นด้วยและให้การสนับสนุนส่งเสริมจนที่สุด
โกเอ็นก้าก็เปิดศูนย์อบรมสมาธิวิปัสสนานานาชาติขึ้นเป็นแห่งแรกที่อินเดียโดยใช้ชื่อว่า "ธรรมคีรี" ที่เมืองอิกัตปุรี เขตนาชิค ใกล้กับเมืองมุมไบ ในรัฐมหาราษฏระ โดยเปิดอบรมหลักสูตร 10 วัน ซึ่งผู้เข้ารับการฝึกไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ หลังจากที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โกเอ็นก้าซึ่งเริ่มมีชื่อเสียงก็ได้รับเชิญให้ไปบรรยายและฝึกอบรมวิปัสสนาแก่ผู้สนใจทั้งในอเมริกาและยุโรป โกเอ็นก้ากลายเป็นผู้มีชื่อเสียง เกิดศูนย์วิปัสสนาของโกเอ็นก้าเกิดขึ้นอีกกว่า 80 แห่งทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยด้วย
ในปี ค.ศ 2000 โกเอ็นก้าได้สร้างพระมหาเจดีย์วิปัสสนาแห่งโลก (Global Vipassana Pagoda) ขึ้นที่เมืองมุมไบประเทศอินเดีย ซึ่งพระมหาเจดีย์นี้ มีความสูง 325 ฟุต มีรูปทรงที่ถอดแบบมาจากพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากองประเทศพม่า ภายในสามารถบรรจุผู้คนได้ถึง 8000 คน พระมหาเจดีย์นี้ใช้เป็นศูนย์สำหรับฝึกอบรมวิปัสสนาแก่ผู้คนทั่วทุกมุมโลก โดยไม่เลือกเชื้อชาติ เพศ วรรณะ ศาสนา และยังเป็นสถานที่รำลึกว่าในที่สุดพระพุทธศาสนาก็ได้กลับคืนมาสู่ประเทศอินเดียอีกครั้งหนึ่งแล้ว
โกเอ็นก้า ถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2556 รวมอายุได้ 89 ปี
ค.ศ. 1924
เกิดที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า
ค.ศ. 1956
พบอาจารย์อูบาขิ่น เริ่มทำสมาธิวิปัสสนา
ค.ศ. 1969
ย้ายกลับไปพำนักอยู่ที่ประเทศอินเดียและเริ่มสอนวิปัสสนา
ค.ศ. 1976
เปิดศูนย์อบรมวิปัสสนา ธรรมคีรี ที่เมือง อิกัตปุรี ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองมุมไบ และลงมือสอนด้วยตนเอง
ค.ศ. 1985
ก่อตั้งสถาบันวิจัยด้านวิปัสสนาที่ ธรรมคีรี เมืองอิกัตปุรี
ค.ศ. 2000
เริ่มก่อสร้างพระมหาเจดีย์วิปัสสนาแห่งโลก (Global Vipassana Pagoda) ขึ้นที่เมืองมุมไบ
ค.ศ. 2009
พระมหาเจดีย์วิปัสสนาแห่งโลกเสร็จสมบูรณ์
ค.ศ. 2012
ได้รับรางวัลปัทมภูสนะ เป็นสถานะอันสูงสุดในอันดับที่สามของพลเรือนชาวอินเดียที่จะมีได้ ในฐานะที่บำเพ็ญคุณประโยชน์และคุณูปการแก่สังคม
ค.ศ. 2013
ถึงแก่กรรมอย่างสงบที่บ้านพักในเมืองมุมไบ
หากเราไม่สงบ จะหวังให้โลกสงบได้อย่างไร จงทำตัวเราให้สงบก่อน
เมื่อพบความจริง ความบ้าคลั่งที่จะหาความผิดของคนอื่นก็หายไป
ผู้มีปัญญาจะอ่อนน้อมถ่อมตนดั่งไม้ผลดกที่โน้มตัวลงพื้นเสมอ
![]() |
ธรรมบรรยาย หลักสูตร 10 วัน. สัตยา นารายัน โกเอ็นก้า |
![]() |
|
CONVERSATION - S N GOENKA
จุมพล วรรณโชติ