"คนเรามีชีวิตอยู่เพื่อเป้าหมายในอนาคต พอ ๆ กับอดีต... การจะเข้าใจมนุษย์อย่างลึกซึ้งนั้น จะต้องพิจารณาทั้งสองด้าน คือ มองจากอดีต และมองในอนาคต แล้วนำมาพิเคราะห์ร่วมกัน... ก็จะเห็นภาพของเขาได้อย่างสมบูรณ์"
จุงมีความเชื่อในเรื่องของจิตไร้สานึกซึ่งสะสมมาแต่อดีต (Collective Unconscious) หรือประสบการณ์ในจิตไร้สานึก (Personal Unconscious และจุงยังเสนอบุคลิกภาพ 2 แบบ คือ แบบเปิดตัว (Extraversion) และแบบเก็บตัว (Introversion) พร้อมกับแง่คิดในเรื่องรูปลักษณ์ (Archetype) ปม (Complex) และสัญลักษณ์ (Symbol)
"จิตวิทยาการวิเคราะห์" (psychoanalytic) คือทฤษฎีอันมาจากการพัฒนาของคาร์ล จุง จากเรื่องจิตวิเคราะห์ โดยเขาลงลึกเรื่องของสัญลักษณ์ (symbolism) ในตำนานโบราณ (mythology) และจิตวิญญาณ (spirituality)
โดยไซคี (psyche) หรือบุคลิกภาพของปัจเจกบุคคล ได้ทำหน้าที่ 3 ระดับ คือ
คาร์ล กุสตาฟ จุง (Carl Gustav Jung) เกิด 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1875 ที่เมือง Kesswyl ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บิดาของเขาเป็นบาทหลวงของกลุ่มปฏิรูปสวิสเซอร์แลนด์ (Swiss Reform) จุงเรียนจบแพทย์จากมหาวิทยาลัยบาเซิล (University of Basel)ได้รับปริญญาในปี ค.ศ.1900
จากนั้นเขาเดินทางไปศึกษาต่อกับจิตแพทย์ปิแอร์ เจเนต์ (Pierre Jenet) ที่ประเทศฝรั่งเศส กระทั่งปี ค.ศ.1905 จุงเริ่มชีวิตการเป็นจิตแพทย์ โดยเป็นผู้ช่วยของจิตแพทย์เออเกน บลอยเลอร์ (Eugen Bleuler) ที่คลินิกจิตเวชของมหาวิทยาลัยซูริค
จุงประทับใจ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) นักจิตวิทยาชื่อดังแห่งยุค หลังจากได้อ่านหนังสือ The Interpretation of Dreams ของ ฟรอยด์ ตั้งแต่เริ่มถูกตีพิมพ์ออกมาในปี 1900 จุงเขียนจดหมายติดต่อกับฟรอยเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ทางจิตวิทยาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งอีก 9 ปีต่อมา จี. แสตนลี่ ฮอลล์ (G. Stanley Hall) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ได้เชิญให้ทั้งสองเดินทางไปอเมริกาเพื่อเข้าร่วมงานครบรอบ 20 ปีของมหาวิทยาลัยคลาร์ก ที่เมืองวอร์เชสเตอร์ รัฐเมซซาชูเซทส์
ต่อมาไม่นาน "สมาคมวิเคราะห์จิตแห่งเวียนนา" (Vienna Psychoanalytic Society) ได้ก่อกำเนิดขึ้น โดยเริ่มจากการพบปะพูดคุยระหว่างนักจิตวิทยาแห่งยุคที่บ้านของ ซิกมุนด์ ฟรอยด์ เช่น อัลเฟรด แอดเลอร์ (Alfred Adler) และออตโต แรนค์ (Otto Rank) และคาร์ล จุง และแล้วปี ค.ศ.1911 จุงก็ได้เป็นประธานคนแรกของสมาคมฯ
เมื่อเวลาผ่านไป จุงเริ่มพิจารณาแนวคิดเดิมด้านจิตวิเคราะห์ (psychoanalysis) และพัฒนาแนวคิดธรรมชาติของจิตไร้สำนึก (unconscious) ซึ่งต่างจากฟรอยด์ในหลายประเด็น โดยเฉพาะไม่เห็นตามทฤษฎีฟรอยด์ ที่ยืนยัน อาการโรคประสาท(neurosis) เกิดจากเรื่องเพศเป็นพื้นฐาน
ยิ่งเมื่อหนังสือของจุงเรื่อง Psychology of the Unconscious ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1912 ยิ่งเห็นได้ชัดถึงคนละแนวทาง และนั่นเป็นเหตุให้มิตรภาพของทั้งสองต้องสิ้นสุดลงในปี 1914
แม้จะเสียใจมากเพียงใด คาร์ล จุงก็พยายามใช้วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาส ทำการวิเคราะห์ตนเองอย่างละเอียดด้วยศาสตร์แห่งความฝัน พร้อมกับทำการวิเคราะห์สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในเทพนิยายอย่างละเอียดลึกซึ้ง ถึงกับเดินทางค้นคว้าเพิ่มเติมที่ทวีปแอฟริกาและฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา ในปี ค.ศ.1920
เมื่อโลกเข้าสู่ภาวะสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาได้รับราชการเป็นแพทย์ประจำกองทัพบก ในปี ค.ศ. 1933 ครั้นอีก 3 ปีต่อมา จุงได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยทั้งซูริคและบาเซิล
ต่อมาจุงประสบปัญหาด้านสุขภาพ จึงได้ลาออก มาเป็นศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยโปลีเทคนิคกลางแห่งซูริคอยู่ถึง 10 ปี แต่เขาก็ยังไม่หยุดทำงาน โดยเขียนงานเกี่ยวกับจิตวิทยาการวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง ยังได้รับเชิญเป็นองค์ปาฐกตามมหาวิทยาลัยต่างๆ นอกจากบทความด้านจิตวิทยา ยังมีงานด้านศึกษาซึ่งจุงให้ความสนใจเป็นพิเศษเช่นกัน จุงถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1961
หนังสือ Memories, Dreams, Reflections อัตชีวประวัติของคาร์ล จุง ได้รับการตีพิมพ์ในปี 1961 ซึ่งเป็นปีที่เขาเสียชีวิต สถาบันจิตวิทยาการวิเคราะห์ก่อตั้งขึ้นทั่วโลก แต่ศูนย์นานาชาติของสถาบัน ซี. จี. จุง ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1948 ยังคงตั้งอยู่ที่เมืองซูริคตราบเท่าที่ทุกวันนี้
ค.ศ. 1875
เกิดที่เมือง Kesswyl ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ค.ศ. 1900
ได้รับปริญญาคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยบาเซิล
ค.ศ. 1911
เป็นประธานคนแรกของสมาคมจิตวิเคราะห์นานาชาติ
ค.ศ. 1933
รับราชการเป็นแพทย์ของกองทัพบก
ค.ศ. 1936 - 1940
เป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยที่ซูริคและบาเซิล
ค.ศ. 1960
เขียนหนังสือ เสนอแนวคิดด้านสัญลักษณ์และความฝันชื่อ Human and His Symbols
ค.ศ. 1961
ถึงแก่กรรม
"ความฝัน เป็นเรื่องที่เผยให้เห็นถึงความในใจของมนุษย์ แสดงออกมาเป็นภาพหรือสัญลักษณ์ จึงต้องมีการตีความเพื่ออธิบายแปลความหมายที่แฝงมานั้น"
"ความฝันเป็นสิ่งชดเชยของจิตใจ (Compensation Function) เพื่อรักษาสมดุลให้จิตใจ"
"บ่อยครั้ง ความฝันยังทำหน้าที่ให้ผู้ฝันรู้ตัวว่า ความปรารถนาที่ตนเก็บกดไว้จนลืมเลือนนั้น คืออะไรกันแน่"
"คนเรามีชีวิตอยู่เพื่อเป้าหมายในอนาคต พอๆกับอดีต การจะเข้าใจมนุษย์อย่างลึกซึ้งนั้น จะต้องพิจารณาทั้งสองด้าน คือ มองจากอดีต และมองในอนาคต แล้วนำมาพิเคราะห์ร่วมกัน ก็จะเห็นภาพของเขาได้อย่างสมบูรณ์"
Carl Jung - The Self
Carl Jung - Shadow Projection
The World Within - C.G. Jung in His Own Words
ประจวบ ผลิตผลการพิมพ์