"หลักการที่เรียกว่า mindfulness-based stress reduction คือการใช้การรับรู้อยู่กับ ณ ปัจจุบันช่วยให้ลดความเครียด"
หลักการเจริญสติ จากหนังสือ Full Catastrophe Living โดยท่านศาสตร์จอน คาบัท ซินน์ เป็นหลักทางทัศนคติ ว่าผู้ที่ใส่ใจฝึกฝนการอยู่กับปัจจุบันขณะนั้นควรมีทีท่าหรือวางจิตวางใจ อย่างไร เมื่อพิจารณาดูแล้วก็น่าสนใจ เพราะใช้ภาษาเรียบง่าย สามารถนำมาใช้เป็นแนวทางควบคู่กับที่สอนกันอยู่ในไทยได้
จอน คาบัท ซินน์ หรือ Jon Kabat-Zinn เกิด ณ กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ปี ค.ศ.1944 โดยมีบิดาชื่อ Elvin Kabat นักวิทยาศาสตร์ชีวเคมี และ Sally Kabat จิตรกร
คาบัทจบการศึกษาจากวิทยาลัย Haverford ก่อนจะไปศึกษาในระดับปริญญาเอกเกี่ยวกับอณูชีววิทยา (Molecular biology) คือ การศึกษาในระดับโมเลกุลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของโมเลกุลต่างๆของสิ่งมีชีวิต โดยเน้นศึกษาโครงสร้างของโมเลกุลต่างๆ, การทำงานของยีน(gene)และโมเลกุลต่างๆที่เกี่ยวข้อง, ปฏิสัมพันธ์กันระหว่าง ดีเอ็นเอ(DNA), อาร์เอ็นเอ(RNA), โปรตีน, โมเลกุลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง, ระบบต่างๆภายในเซลล์รวมถึงกลไกการควบคุมการทำงานของสิ่งเหล่านี้ อณูชีววิทยา (Molecular biology)เป็นสาขาที่มีความผสมผสานระหว่างชีววิทยาและเคมี โดยเฉพาะความผสมผสานระหว่างสาขาพันธุศาสตร์, สาขาชีวเคมี และสาขาจุลชีววิทยา ณ มหาวิทยาลัย MIT
ความเชื่อและวิถีในการดำรงชีวิตของคาบัทผสมผสานกันทั้งความคิดแบบยิว การตั้งคำถามแบบนักวิทยาศาสตร์ และสุนทรียะความงามแบบศิลปิน ก่อนที่จะเริ่มสนใจและศึกษาในศาสตร์แห่งพุทธศาสนา โดยเขาไม่เคยนิยามตัวเองว่าเป็นชาวพุทธ
สถานะของ ศาสตราจารย์จอน คาบัท-ซินน์ ก็คือ อายุรแพทย์ที่แผนกเวชศาสตร์ป้องกันและพฤติกรรมบำบัด ศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา แต่ที่สิ่งที่ทำให้แพทย์แผนปัจจุบันท่านนี้มีชื่อเสียงระดับโลกก็คือ การนำฝึกการเจริญสติในแบบพุทธศาสนา มาประยุกต์การรักษาสุขภาพและบำบัดโรคแก่คนไข้ อย่างได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ (Mindfulness-Based Stress Reduction: mbsr)
ดร.จอนให้ความสนใจกับศาสตร์ทางด้านเจริญสติภาวนามาเป็นเวลาหลายปี กระทั่งเขาและเพื่อนๆเริ่มต้นฝึกสมาธิ โดยการอยู่กับปัจจุบัน เริ่มจากการนอนภาวนา(นอนหงาย) เป็นเวลา 45 นาที แล้วกำหนดจิตไปยังตำแหน่งต่างๆของร่างกาย เขาพบว่าการนอนภาวนาเพียงครึ่งชั่วโมง มีประโยชน์เท่ากับการนอนหลับลึกถึง 3 - 4 ชั่วโมง ซึ่งช่วยให้สดชื่นและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเป็นอีกเท่าตัว
เขามั่นใจในที่สุดว่า การฝึกเจริญสติในแบบพุทธนั้น ทำให้จิตสงบเย็น มีอุเบกขา มีสมาธิและควบคุมอารมณ์ได้ดี และส่งผลให้ร่างกายมีการทำงานที่สมดุล
ต่อมาดร.จอนจึงนำแนวคิดและวิธีการดังกล่าวไปให้บริการผู้ป่วยที่มีภาวะทางจิตใจ ความกังวล ความเครียด อาการซึมเศร้า ที่โรงพยาบาลที่ตนทำงานประจำ ซึ่งปรากฏว่า การแก้ปัญหาดังกล่าวได้ผลดีเป็นอย่างดี ต่อมาจึงได้จัดทำเป็นแผนการรักษาที่เป็นกิจจะลักษณะ ชื่อว่า โปรแกรมบำบัดความเครียดด้วยการเจริญสติ (Mindfulness-based stress reduction program หรือ MBSR program) หลักสูตรนี้ใช้เวลาฝึก 8 อาทิตย์
นอกจากจะได้ผลดีกับคนไข้แล้ว เขายังได้นำโปรแกรมดังกล่าวมาฝึกฝนให้กับอาจารย์แพทย์ แพทย์ประจำบ้าน และนักเรียนแพทย์ ของมหาวิทยาลัย ซึ่งก็พบว่าได้ผลดีเช่นกัน ทั้งช่วยให้ผู้ผ่านการคลายเครียด คลายซึมเศร้า จิตใจสดชื่น สงบ สบาย มีความเมตตาอารี มีสมาธิ รับฟังปัญหาของคนไข้ได้ดีขึ้น และเข้าอกเช้าใจผู้อื่นมากขึ้น
นอกจากนั้น ดร.จอนยังนำวิธีเจริญสติภาวนาไปใช้กับ ผู้ป่วยที่มีอาการปวดเรื้อรัง ต้องใช้ยาแก้ปวดตลอด เช่น ปวดศีรษะไมเกรน ปวดเส้นประสาทใบหน้า ปวดหลังเรื้อรัง ปวดต้นคอเรื้อรัง ซึ่งพบว่าเมื่อฝึกฝนอย่างต่อเนื่องราว 10 สัปดาห์ พบว่า อาการปวดดังกล่าวจะลดลงร้อยละ 50-65 ทำให้กินยาแก้ปวดน้อยลง นอกจากนั้น ยังช่วยให้นอนหลับสบายขึ้น
ต่อมาได้มีการศึกษาการทำเจริญสติภาวนาในผู้ป่วยโรคเรื้อนกวางที่มีการฉายแสงรักษา ก็พบว่า ผู้ป่วยมีรอยโรคที่ผิวหนังหายเร็วขึ้นกว่าผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาทั่วไป ถึง 4 เท่า
ส่วนในการศึกษาผู้สูงอายุก็พบเช่นกันว่า การเจริญสติช่วยให้ผู้สูงวัยเครียดและซึมเศร้าน้อยลง สุขภาพจิตที่ดีขึ้น นอนหลับได้ดี ร่างกายแข็งแรงขึ้น และอัตราตายลดลง
จวบจนปัจจุบัน "ศูนย์การเจริญสติทางการแพทย์" (Center of Mindfulness in Medicine) ของ ศาสตราจารย์จอน คาบัท-ซินน์ อยู่ที่ "ศูนย์การเจริญสติทางการแพทย์" (Center of Mindfulness in Medicine) ซึ่งเขาเป็นผู้ก่อตั้งและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งการฝึกสอน ทั้งการดูแลผู้ป่วยให้รู้วิธีรักษาโรคต่างๆด้วยการ เจริญสติภาวนาในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้สติสมาธิพิจารณาส่วนต่างๆของร่างกาย ฝึกตามรู้ลมหายใจเข้าออก ฝึกการเดินจงกลม รวมทั้งมีสติกับอิริยาบถในชีวิตประจำวัน รวมทั้งบริหารร่างกายแบบโยคะด้วย
นอกจากนั้น ดร.จอนยังเขียนหนังสือให้ความรู้ด้านการดูแลตนเอง การรักษาโรคด้วยวิธีเจริญสติมากมายหลายเล่ม เช่น Full catastrophe Living, Wherever You Go, There You Are ( เข้าไปดูได้ทาง www.amazon.com )
ผลการฝึกการเจริญสติ ทำให้โรคต่างๆ มีอาการดีขึ้นมาก มีผู้ป่วยผ่านการอบรมหลักสูตรนี้แล้ว 18,000 คน มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ออกมามากมาย ในเวลา 30 ปี ของสถาบันแห่งนี้ ยกตัวอย่างเช่น
จากการที่ ศาสตราจารย์จอน คาบัท-ซินน์ เป็นคนแรกที่นำการเจริญสติมาใช้ในทางการแพทย์ บุกเบิกงานด้านนี้มาไม่ต่ำกว่า 40 ปี ก่อตั้งศูนย์การเจริญสติทางการแพทย์ และได้วางรากฐานการศึกษาทางด้านการเจริญสติมาใช้ในทางการแพทย์ รวมทั้งมีงานวิจัย งานเขียนออกมาที่แพร่หลาย
กระทั่งได้รับการยกย่องจากสังคมว่า เป็น "บิดาแห่งการเจริญสติทางการแพทย์"
ค.ศ.1944
เกิด ณ กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
ค.ศ.1971
ศึกษาในระดับปริญญาเอกเกี่ยวกับอณูชีววิทยา ที่มหาวิทยาลัย MIT
ค.ศ.1979
ก่อตั้ง the Center for Mindfulness in Medicine, Health Care, and Society และ the Stress Reduction Clinic
ค.ศ.1991
ตีพิมพ์หนังสือเล่มแรก Full Catastrophe Living: Using the Wisdom of Your Body and Mind to Face Stress, Pain, and Illness
ค.ศ.1994
ตีพิมพ์หนังสือเล่มที่สอง Wherever You Go, There You Are ได้รับ Bestseller
ค.ศ.2013
เผยแพร่ผลงาน In Silicon Valley, Meditation Is No Fad. It Could Make Your Career
ค.ศ.2014
เผยแพร่ผลงาน What Our Recent Obsession With Mindfulness Really Means
ค.ศ.2015
เผยแพร่ผลงาน Mindfulness: Corporate saviour or crock?
"ให้ดึงตัวเองให้กลับมาสู่ 'ณ ปัจจุบัน' ด้วยการตามลมหายใจเข้าออกของเรา แม้จะเพียงลมหายใจเดียวหรือเพียงสองสามลมหายใจก็จะให้ประโยชน์กับตัวเรา มากเกินกว่าที่เราจะคาดคิด"
"ผมทำสมาธิภาวนารักษาโรคความดันสูง กระทั่งหายเป็นปกติและไม่ต้องใช้ยาในการรักษาอีกต่อไป นอกจากนั้น มันยังช่วยลดความอ้วนและรักษาโรคอื่นได้ด้วย เพียงแต่ให้หายใจเข้านับ 1 หายใจออกนับ1 ไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าคุณจะนั่ง ยืน เดิน นอน หากกำหนดลมหายใจ ให้ 1 นาทีให้ช้ากว่า 5 ครั้ง ... ว้าว สุดยอด...."
"เราหยุดคลื่นไม่ได้ แต่เราโต้คลื่นได้"
"ความพยายาม คือรูปแบบหนึ่งของปัญญา
มันแสดงว่า เราเข้าใจและยอมรับความจริงที่ว่า
บางครั้งบางอย่างต่างต้องการเวลาของมัน"
"วิธีที่ดีที่สุดในการจดจำห้วงความรู้สึก คือการรักษาความสนใจกับปัจจุบัน
ซึ่งเป็นวิธีเดียวกันกับที่เราปลูกฝังสติ"
Mindfulness with Jon Kabat-Zinn
ประจวบ ผลิตผลการพิมพ์