"การศึกษาไม่ใช่เป็นเรื่องของวิธีการสอน แต่คือเรื่องของศิลปะแห่งการปลุกศักยภาพมนุษย์ และบุคคลแรกที่ต้องปลุกก็คือครู เพื่อครูจะได้ไปปลุกนักเรียน รวมทั้งปลุกอนุชนคนรุ่นต่อๆไปด้วย"
รูดอล์ฟ สไตเนอร์ (Rudolf Steiner) ปราชญ์ชาวออสเตรียผู้นี้ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1861 ที่ เมืองเล็กๆชื่อ Kraljevec อยู่แถบชายแดนออสเตรีย-ฮังการี (ปัจจุบันอยู่ในโครเอเชีย) ท่ามกลางหุบเขา ทุ่งหญ้า และธรรมชาติอันร่มรื่นของชนบท หนูน้อยสไตเนอร์ด้วยวัยเพียง 8 ขวบ เขาก็ฉายแววแห่งอัจฉริยะ ด้วยการตอบโจทย์วิชาเรขาคณิตได้อย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากเก่งด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เขายังรักในวิชาด้านปรัชญา วรรณคดี และภาษาศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง (โดยเฉพาะภาษากรีกและละติน) ความใฝ่ใจทั้งในธรรมชาติและเทคโนโลยี อาจด้วยเพราะเติบโตมาในยุคเปลี่ยนผ่านจากวิถี เกษตรกรรมมาสู่ยุคอุตสาหกรรม เจนตากับภาพของผู้คนที่เคลื่อนย้ายจากชนบทมาสู่เมือง
แม้จะเปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถอย่างหลากหลาย แต่บุคคลที่ถือได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจของสไตเนอร์ก็คือ เกอเธ่ (Johann Wolfgang von Goethe, ผู้ดำรงชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1749 - ค.ศ. 1832 ปราชญ์ชาวเยอรมัน ผู้สร้างผลงานอันอมตะทั้ง นิยาย บทละคร รวมทั้งเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักสิทธิมนุษยชนคนสำคัญ และดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกคณะบริหารของไวมาร์ในประเทศเยอรมนีอยู่ถึง 10 ปี)
ความระส่ำระสายของประเทศเยอรมันยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ผู้คนล้วนจมอยู่กับความสับสนและขมขื่น แต่ในอีกกระแสกลับก่อเกิดแนวคิดหลากหลายจากเหล่าปัญญาชน ที่แสวงหาแนวทางแห่งชีวิตที่งดงาม
"รูดอล์ฟ สไตเนอร์" ก็คืออีกหนึ่งคุรุชื่อลือเลื่อง ซึ่งเป็นที่ชื่นชมของชนชาวเยอรมันในยุคนั้น
ประกายแรกถูกจุดขึ้นในการบรรยายอันตรึงใจของเขา ว่าด้วยเรื่องการปฏิรูปทางการศึกษา ท่ามกลางเหล่าพนักงานในโรงงานยาสูบที่ชื่อ วอลดอร์ฟ เอสโตเรีย (Walddolf Astoria) กระทั่งพนักงานชายผู้หนึ่งโยนคำถามกลับขึ้นไปว่า "ผมซาบซึ้งดีว่าคุณหวังให้พวกเราอยู่กันอย่างภาคภูมิในศักดิ์ศรี แต่นั่นอาจสายเกินไป ทางที่ดี คุณควรเริ่มต้นที่ลูกๆหลานๆฃองพวกเราจะไม่ดีกว่าหรือ ?"
และนั่นเองทำให้เอมิล มอลท์เจ้าของโรงงานแห่งนี้สนับสนุนทางการเงินเพื่อให้แนวคิดดังกล่าวเป็นความจริงให้ได้ ซึ่งสไตเนอร์ก็ตอบรับด้วยความยินดี เพียงมีข้อแม้ 4 ประการ คือ
ปรากฏว่าเอมิล มอลท์ตอบรับทุกข้อ นั่นจึงทำให้สไตเนอร์เดินหน้าดำเนินการอยางมุ่งมั่น
จากนั้น วันที่ 7 กันยายน ค.ศ.1919 โรงเรียนวอลดอร์ฟ The Waldorfschule ก็บังเกิดขึ้น และต่อมาได้เผยแผ่สาขาอย่างต่อเนื่อง ไม่น้อยกว่า 400 แห่ง จากนั้นขยายนับพันแห่ง ณ ปัจจุบัน ใน กว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งยุโรป อเมริกา เนเธอร์แลนด์ เยอรมันนี ในแถบเอเชีย รวมทั้งประเทศไทย
นอกจากการศึกษาแนววอลดอร์ฟอันลือเลื่องแล้ว งานเขียนเรื่อง "ปรัชญาแห่งความเป็นอิสระและหลุดพ้น" (The Philosophy of Freedom) ซึ่งนำมาจาก "ทฤษฎีว่าด้วยความรู้" อันเป็นวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเขา ก็ได้กลายเป็นมรดกชิ้นสำคัญที่สไตเนอร์มอบให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ในช่วงบั้นปลายของชีวิต รูดอล์ฟ สไตเนอร์ ทุ่มเทใจให้กับการศึกษาธรรมชาติและแสวงสัจธรรมแห่งมนุษย์ ทั้งในแง่มุมทางวิทยาศาสตร์และอารมณ์ความรู้สึก ทั้งในเชิงนามธรรม และรูปธรรม เพื่อนำไปสู่อิสรภาพและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง นั่นคือหัวใจการศึกษาของ วอลดอร์ฟ นั่นเอง
ค.ศ. 1861
เกิดที่เมือง Kraljevec อยู่แถบชายแดนออสเตรีย-ฮังการี (ปัจจุบันอยู่ในโครเอเชีย)
ค.ศ. 1869
ฉายแววแห่งอัจฉริยะ ด้วยการตอบโจทย์วิชาเรขาคณิตได้อย่างน่าอัศจรรย์
ค.ศ. 1900 - 1925
เขาเดินทางไปบรรยายตามที่ต่าง ๆ ในยุโรปกว่า 6,000 ครั้ง นอกจากนั้นยังเขียนหนังสืออีกหลายสิบเล่ม ให้คำแนะนำปรึกษาเป็นการส่วนตัวแก่ผู้คนอีกนับไม่ถ้วน
ค.ศ. 1919
ก่อตั้งโรงเรียนวอลดอร์ฟ The Waldorfschule
ค.ศ. 1925
เสียชีวิต
"ก่อนที่คนเราจะครบวัย 7 ขวบ หากมีพัฒนาทางชีวิตที่เหมาะสม มีความสุข ชีวิตก็จะเจริญวัฒนะ แต่หากพัฒนาไปในทางไม่เหมาะสม ความบิดเบี้ยวก็จะเข้าครอบงำ ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของนักการศึกษาทั้งหลาย ที่พึงจักต้องนำความเจริญวัฒนะมาสู่เด็กๆทั้งปวง"
"สิ่งที่จะกำหนดพฤติกรรมใดๆของเด็กๆ หาใช่คำพร่ำบ่นก่นด่า หรือเทศนาสั่งสอน แต่การกระทำตัวของผู้ใหญ่นั่นเอง ที่ส่งผล มีอิทธิพลต่อเด็กๆเหนือสิ่งอื่นใด"
"จงให้เด็กๆเติบโตท่ามกลางบรรยากาศแห่งความรักความอบอุ่น และรายล้อมด้วยผู้ใหญ่ที่เป็นเยี่ยงอย่างที่ดีงาม"
"เมื่อใดเด็กๆปราศจากความรู้สึกกดดัน หรือต้องทำตามใจผู้ใหญ่อยู่เสมอ เขาจะมีอิสะ มีความสุขสดใส และ ...มีอัจฉริยภาพอย่างน่าอัศจรรย์ ! "
Waldorf Education in Thailand 1/2
Rudolf Steiner - Cosmic Spiralling
O desafio de Rudolf Steiner - parte 1
Rudolf Steiner - The Science of Spirit
ประจวบ ผลิตผลการพิมพ์